ล่าสุดหมอหน่อยได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นแบบ Road trip มานะคะ เพราะการเดินทางแบบรถยนต์ อาจสะดวกกับลูกเล็กที่มีของเยอะ ไม่สะดวกในการเดินทางด้วยรถสาธารณะ อย่างไรก็ตาม การ road trip กับเด็ก อาจแตกต่างกับการเดินทางเฉพาะผู้ใหญ่ วันนี้หมอหน่อยขอนำประสบการณ์ มาแชร์เป็นเทคนิคสำหรับการพาลูก road trip นะคะ เผื่อหลายๆ ครอบครัวกำลังวางแผนเดินทางค่ะ
1.เลือกรถที่สามารถเก็บของได้เพียงมีคาร์ซีทสำหรับเด็ก
เริ่มต้นคือการเลือกรถในการ Road trip ควรเลือกรถที่มีที่นั่งเพียงพอกับสมาชิกที่เดินทาง มีพื้นที่เพียงพอกับสัมภาระ จำนวนกระเป๋า ที่สำคัญควรต้องมีคาร์ซีทสำหรับลูกน้อย ให้เหมาะสมตามช่วงอายุ (อ่านเพิ่มเติมเรื่องการเลือกคาร์ซีท) เพราะนอกจากจะเกิดควมปลอดภัยในการเดินทางแล้ว ยังเป็นการรักษากฎจราจรที่เข้มงวด เมื่อเดินทางที่ต่างประเทศด้วยค่ะ
2. เลือกเส้นทางที่ห่างกันประมาณ 2 ชั่วโมง หรือหยุดพักรถทุก 2 ชั่วโมง
การวางเส้นเดินทางจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง ควรห่างกันไม่เกิน 2-3 ชั่วโมง ตามคำแนะนำของ American Academy of Pediatrics แนะนำให้หยุดพักรถเปลี่ยนท่าทางลูกทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อป้องกัน positional asphyxia ซึ่งเกิดจากการที่เด็กเล็กหายใจช้าลงและหยุดหายใจเมื่อนั่งคาร์ซีทนานๆ ซึ่งมักเกิดกับเด็กเล็กๆ สำหรับเด็กโต อาจสามารถเปลี่ยนท่าทางเองได้เมื่อรู้สึกอึดอัด
การเลือกเส้นทางควรศึกษาให้ดู ควรเป็นที่เส้นที่ขับสบาย มีจุดพักรถ มีห้องน้ำ กรณีมีเหตุจำเป็นที่ต้องหยุดพักรถหรือลูกร้องไห้หนักจนต้องจอดรถ
3. เลือกช่วงเวลาเดินทาง
การเลือกช่วงเวลาเดินทางที่ดี จะทำให้การเดินทางง่ายขึ้นค่ะ โดยหมอหน่อยจะเลือกช่วงการเดินเป็นช่วงเดียวกับการหลับของอันนา เช่น เดินทางช่วง 9-10 โมง หรือ 14-15 โมง เนื่องจากเป็นช่วงนอนกลางวันของอันนา ทำให้พอขึ้นคาร์ซีท ลูกสามารถนอนหลับได้ยาวตลอดการเดินทาง ทำให้การเดินทางราบรื่นขึ้นอีกมากเลยค่ะ
4. ควรมีคนนั่งข้างลูก
ตามปกติคาร์ซีทของลูกจะถูกติดตั้งไว้ทางเบาะหลัง ควรมีผู้ปกครอง 1 คนนั่งข้างๆ เพื่อคอยดูแล สังเกตความปลอดภัย คอยเล่นหรือคุยด้วย อาจมีการสลับคนนั่งข้างหากลูกต้องการ
5. เตรียมของใช้จำเป็นไว้ใกล้ๆ เพื่อให้หยิบจับสะดวก
สำหรับหมอจะมีการเตรียมกระเป๋ายังชีพ 1 ใบ สำหรับการเดินทางในแต่ละวัน วางๆ ใกล้เบาะที่นั่งด้านหลัง โดยในกระเป๋ายังชีพของอันนาจะประกอบไปด้วย
ผ้าอ้อม หรือ Diaper ประมาณ 4-5 ชิ้นไว้สำหรับเปลี่ยน (ปกติจะใช้ในช่วงกลางวันประมาณ 2 ชิ้น แต่ควรเตรียมให้มากกว่าปกติ 2 เท่า)
ทิชชูเปียก
ทิชชูแอลกอฮอร์
ถุงขยะสำหรับทิ้ง Diaper
ครีมบำรุงผิว ทาระหว่างทาง
ชุดสำรองสำหรับเปลี่ยน 1 ชุด
ผ้าห่ม
หมอน Baby owl
ยาที่จำเป็น
6. เตรียมอาหารว่าง และเครื่องดื่มระหว่างทาง
ระหว่างเดินทางควรเตรียมของว่างและเครื่องดื่มไว้เผื่อลูกหิว โดยหมอจะเตรียม น้ำ นม อาหารว่างจะเตรียมเป็นซีส และผลไม้ไว้ให้ระหว่างการเดินทาง โดยแนะนำหลีกเลี่ยงอาหารที่เสี่ยงต่อการสำลัก เช่นอาหารชิ้นใหญ่ หรือรูปร่างกลมเกินไป เช่นลูกอม ผลองุ่น เป็นต้น
7. เตรียมของเล่นหรือกิจกรรมระหว่างการเดินทาง
ของเล่นหรือกิจกรรมระหว่างการเดินทางก็สำคัญนะคะ เนื่องจากทำให้ลูกหายเบื่อ และสนุกในการเดินทางมากขึ้น โดยของเล่นขึ้นกับว่าลูกน้อยชอบของเล่นชิ้นไหน หรือทำกิจกรรมไหนเป็นพิเศษ ก็สามรารถเตรียมตามความชอบของลูกได้เลย สำหรับอันนา หมอหน่อยเตรียม
หนังสือ ที่เป็นภาพ
หนังสือเพลง
มือถือของเล่น
การมีกิจกรรมที่ลูกชอบให้ลูกทำ จะช่วยให้การเดินทาง road trip ในครั้งนี้สนุกมากขึ้นค่ะ อย่างไรก็ตาม การพาลูกเดินทางแบบ Road trip มีทั้งข้อดีข้อเสียนะคะ
ข้อดี
สามารถเดินทางท่องเที่ยวสะดวก โดยเฉพาะพื้นที่ ที่ไม่มีรถสาธารณะไปถึงได้ง่าย
สามารถหยุดพักตามความต้องการได้สะดวก
ยืดหยุ่นเวลาการเดินทางได้ ตามความต้องการ
เก็บสัมภาระได้เยอะ โดยเฉพาะเวลาเดินทางกับลูกเล็ก ทำให้ไม่ต้องลากกระเป๋าไปมา
ลูกไม่ต้องไปอยู่ในที่คนเยอะๆ ลดการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้น
การเดินทางเป็นส่วนตัว
ข้อเสีย
ค่าใช้จ่ายแพงกว่าการเดินทางด้วยรถสาธารณะ
เส้นทางเดินทาง ในบางครั้งไกลกว่าการเดินทางด้วยรถสาธารณะ
คุณพ่อคุณแม่ อาจเหนื่อยหรือเครียดในการขับรถ
สำหรับหมอหน่อย ถ้าไม่นับเรื่องค่าใช้จ่ายที่แพงกว่า หรือคุณพ่อเหนื่อยในการขับรถ ก็ค่อนข้างชื่นชอบการเดินทางแบบ Road trip นะคะ แต่รอบหน้า อาจต้องจัดทริปให้ใช้เวลาในการเดินทางน้อยกว่านี้ น่าจะสบายและสนุกขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ
หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์นะคะ
เขียนโดย
พญ. ทานตะวัน จอมขวัญใจ หมอหน่อย (Tantawan Jomkwanjai.MD)
📌 วิตามินบำรุงก่อนท้อง/ วิตามินบำรุงครรภ์/ วิตามินบำรุงหลังคลอด/ ของใช้แม่และเด็ก/ ของเล่นเสริมพัฒนาการ
コメント