top of page

โคลีน กับประโยชน์ต่อลูกน้อยในแบบที่คุณคาดไม่ถึง (Choline, Critical Role During Fetal Development)

อัปเดตเมื่อ 27 มี.ค.

คุณแม่รู้จักโคลีนรึเปล่าคะ? ถ้าคุณแม่ไม่รู้จัก ไม่ใช่เรื่องแปลกค่ะ เพราะมีคุณแม่มากมายที่ไม่รู้จักโคลีน และพลาดประโยชน์ดีๆ ของโคลีนไป แล้วโคลีนมีความสำคัญต่อทารกในครรภ์ และมีความสำคัญต่อคุณแม่ที่ท้องอยู่ยังไงบ้าง? วันนี้หมอหน่อยจะมาสรุปรายละเอียดให้ฟังค่ะ



ในช่วงก่อนท้องหรือช่วงตั้งท้องแรกๆ ทุกคนมักจะให้ความสำคัญกับโฟเลตหรือกรดโฟลิค (อ่านเพิ่มเติมเรื่องโฟเลต) ที่จะช่วยลดความผิดปกติของระบบประสาทและสมองของทารก แตในการศึกษาล่าสุด พบว่า โคลีน (Choline) เองก็มีความสำคัญในการป้องกันความผิดปกติของระบบประสาทของทารกเช่นเดียวกัน(1) ดังนั้น โคลีนจึงมีความสำคัญพอๆ กับโฟเลต ตั้งแต่คุณแม่วางแผนที่จะท้องเลยทีเดียว


โคลีนสำคัญอย่างไร? ทำไมคุณแม่ถึงต้องการโคลีน?


โคลีนเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งที่พบได้ในอาหารบางชนิด โคลีนมีความสำคัญในช่วงตั้งท้องและช่วงให้นมบุตรของคุณแม่คือ


1.โคลีนช่วยในการสร้างระบบประสาทและการสร้างสมองของทารก


โคลีนมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการสร้างสมองของทารก มีความสำคัญต่อการสร้างผนังเยื่อหุ้มของระบบประสาทต่างๆ ช่วยในการสร้างสมองส่วนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับ การเรียนรู้ (Learning), ความจำ (memory), การสนใจ (Attention) และการมองเห็น

เช่นเดียวกันกับโฟเลต โคลีนช่วยในการสร้างของระบบประสาทตั้งแต่เริ่มต้น และช่วยในการปิดของหลอดประสาท คุณแม่ที่ขาดโคลีนก็มีโอกาสที่ทารกจะมีปัญหาเรื่องหลอดประสาทของทารกไม่ปิดเช่นเดียวกัน (Neural tube defect)


2. โคลีนช่วยในการสร้างรก


รก (Placenta) ทำหน้าที่ในการนำสารอาหารต่างๆ รวมถึงนำอ๊อกซิเจนไปเลี้ยงทารกที่กำลังเติบโต รวมถึงช่วยป้องกันและกำจัดสารพิษต่างๆ จากตัวทารกด้วย ในช่วงที่คุณแม่เริ่มตั้งครรภ์ โคลีนมีความสำคัญต่อการสร้างรก ช่วยให้รกสร้างได้อย่างสมบูรณ์ ช่วยในการสร้างเส้นเลือดในรก และช่วยสนับสนุนการทำงานของรกตลอดการตั้งครรภ์ด้วย


3. ช่วยในเรื่องการพัฒนาของสมอง ความจำ


มีการศึกษาพบว่า หากทารกได้รับโคลีนในปริมาณที่เหมาะสมในช่วงอยู่ในท้องและช่วงให้นม จะทำให้ทารกเติบโตเป็นคนที่มีความจำที่ดี และลดโอกาสเกิดโรคอัลไซเมอร์ในอนาคต (2) รวมถึงลดการเกิดโรคสมาธิสั้น (ADHD) โรคไบโพล่า โรคทางบุคลิคภาพ รวมถึงโรคออทิสติก เมื่อเด็กโตขึ้นด้วย




4. ช่วยในการทำงานของตับ


โคลีนช่วยให้ตับทำงานได้ดี และช่วยให้การทำงานของตับดีขึ้นได้


คุณแม่ต้องการโคลีนเท่าไหร่?


การศึกษาประชากรในอเมริกาพบว่าหญิงที่ตั้งครรภ์โดยทั่วไป ขาดโคลีนถึง 90-95% (3) เนื่องจากไม่สามารถทานจากอาหารได้เพียงพอกับความต้องการในช่วงตั้งครรภ์และช่วงให้นมบุตร คำแนะนำของ ACOG (American College of Obstetricians) แนะนำขนาดของโคลีนที่ควรได้คือ

  • ในหญิงตั้งครรภ์ ต้องการโคลีน 450 มิลลิกรัมต่อวัน

  • ในหญิงให้นมบุตร ต้องการโคลีน 550 มิลลิกรัมต่อวัน

ในบางงานวิจัยแนะนำให้ทานโคลีนประมาณ 900 มิลลิกรัมต่อวันเพื่อประโยชน์สูงสุดเกี่ยวการทำงานของระบบประสาทของทารก ซึ่งคุณแม่อาจทานโคลีนจากอาหาร ร่วมกับการทานด้วยวิตามินเสริม โดยไม่ต้องกังวลว่าโคลีนจะเกินเนื่องจากขนาดของโคลีนที่ร่างกายสามารถรับได้ต่อวันสูงถึง 7 กรัม หรือ 7,000 มิลลิกรัมซึ่งโอกาสรับเกินเป็นไปได้ยาก


โคลีนอยู่ในอาหารชนิดไหนบ้าง?


โคลีนพบได้ในอาหารหลายชนิด โดยเฉพาะในไข่ ซึ่งไข่แดงขนาดใหญ่จะมีโคลีนอยู่ประมาณ 150 มิลลิกรัม นอกจากนี้ยังพบโคลีนใน เนื้อ ไก่ ปลา แซลมอล รวมถึงตับด้วย แม้ว่าจะพบโคลีนในอาหารหลายชนิด แต่พบว่า 90% ของคนท้อง ไม่สามารถทานโคลีนได้เพียงพอต่อความต้องการต่อวัน


คุณจะทานโคลีนเสริมจากไหนได้บ้าง?


แม้โคลีนจะมีความสำคัญในช่วงตั้งครรภ์มาก และวิตามินก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ (Prenatal vitamins) โดยทั่วไปมักไม่มีโคลีนผสมอยู่ สาเหตุเนื่องมากจาก เป็นเรื่องยากที่จะผสมโคลีนได้ในวิตามินรวม แม้ผสมได้ก็มีปริมาณไม่มากนัก จึงแนะนำให้ทานวิตามินโคลีนเสริมต่างหาก เพื่อให้ได้รับโคลีนอย่างเพียงพอเสริมจากอาหารที่ทาน ตลอดช่วงการตั้งครรภ์ไปจนให้นมบุตร

วิตามินโคลีนที่แนะนำ : Click


ควรเริ่มทานโคลีนเมื่อไหร่ และทานถึงตอนไหน?


เนื่องจากโคลีนมีความสำคัญเกี่ยวกับปิดของระบบประสาท (Neural tube) ซึ่งระบบประสาทจะปิดประมาณ 4 สัปดาห์หลังตัวอ่อนปฏิสนธิ หรือประมาณช่วงสัปดาห์ที่ 4-6 ของการตั้งครรภ์ ซึ่งอาจจะก่อนที่คุณแม่จะรู้ตัวด้วยซ้ำ ดังนั้น คุณแม่ควรเริ่มทานตั้งแต่ก่อนเริ่มท้องเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้ายังไม่เริ่มทานก็ควรทานให้เร็วที่สุดหลังจากทราบว่าตั้งครรภ์ เนื่องจากจะได้ช่วยในการสร้างระบบประสาท สร้างรก และการพัฒนาต่างๆ ของทารก และควรทานต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ตลอดการตั้งครรภ์


ประโยชน์ของโคลีน โคลีนกับคนท้อง


จากบทความนี้เชื่อว่า แม่ๆ หลายคนคงเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของโคลีนมากขึ้นนะคะ หมอหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ค่ะ แล้วมาติดตามกันได้ใหม่ในบทความหน้านะคะ





เขียนโดย


พญ. ทานตะวัน จอมขวัญใจ หมอหน่อย (Tantawan Jomkwanjai.MD) drnoithefamily


#โคลีนกับสมองเด็ก #อยากให้ลูกฉลาดต้องกินอะไร #โคลีนบำรุงสมองเด็ก #วิตามินบำรุงสมองทารก #วิตามินบำรุงสมองเด็ก

ดู 4,859 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page