top of page

ประโยชน์ของ DHA ในคนท้อง ต้องเลือกกินอย่างไร? ต้องเสริมวิตามิน DHA หรือไม่? (DHA and Pregnancy)

รูปภาพนักเขียน: drnoithefamilydrnoithefamily

อัปเดตเมื่อ 27 มี.ค. 2566

แน่นอนว่าแม่ๆ คงเคยได้ยินประโยชน์ของ DHA ในช่วงที่ตั้งครรภ์มาไม่มากก็น้อย แต่แม่ๆ เข้าใจมันดีแค่ไหน แล้วทำไม DHA ถึงมีความสำคัญและควรทานเสริม เพิ่มเติมจากอาหารที่ทานในแต่ละวัน DHA มีประโยชน์อย่างไร? สำคัญในคนท้องอย่างไร? แล้วควรทาน DHA วันละเท่าไหร่ต่อวัน? วันนี้หมอหน่อยจะมาเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟังค่ะ


DHA เป็นส่วนหนึ่งของ Omega-3 ซึ่งเป็น Essential fatty acids ที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น ซึ่ง Omega-3 มีความสำคัญต่อการสร้างผนังเซลล์ของร่างกาย การขนส่งพลังงานระดับเซลล์ รวมถึงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันด้วย โดย Omega-3 จะมีส่วนประกอบสำคัญคือ DHA และ EPA ตัว DHA เป็นส่วนประกอบสำคัญมากๆ ต่อการสร้างผนังเซลล์ของสมองและจอประสาทตา ส่วน EPA ก็มีความสำตัญต่อกระบวนการลดการอักเสบและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย


ทำไม DHA ถึงสำคัญในช่วงตั้งครรภ์?


Docosahexaenoic acid (DHA) มีความสำคัญต่อการสร้างหลายๆ เซลล์ในร่างกาย ทั้งสมอง ผิวหนัง ดวงตา ซึ่งการได้รับ DHA อย่างเพียงพอจะช่วยให้อวัยวะต่างๆ สร้างได้สมบูรณ์มากขึ้น ความสำคัญของ DHA ในช่วงที่ตั้งครรภ์มีทั้งต่อทารกและต่อตัวคุณแม่เอง


ประโยชน์ต่อทารก

  • ช่วยในการสร้างเซลล์สมองของทารก

  • ช่วยในการพัฒนาสมองของทารก

  • ช่วยในการพัฒนาการมองเห็นของทารก

  • ช่วยในการสร้างระบบประสาทต่างๆ ของทารก

  • ป้องกันภาวะคลอดก่อนกำหนด

  • น้ำหนักของทารกเป็นไปตามเกณฑ์

ประโยชน์ต่อมารดา

  • บำรุงการมองเห็นของมารดา

  • ประโยชน์ในด้านการเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน

  • ช่วยบำรุงระบบหัวใจและหลอดเลือด

  • ป้องกันภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

  • ลดภาวะซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์ และภาวะซึมเศร้าหลังคลอดได้

สมองของทารกเริ่มต้นการพัฒนาตั้งแต่สัปดาห์ที่ 5 ของการตั้งครรภ์ และพัฒนาไปเรื่อยๆ ตลอดการตั้งครรภ์ โดยความต้องการ DHA ของทารกจะสูงขึ้นเมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 และจะสูงขึ้นไปอีกในช่วงไตรมาสที่ 3 ดังนั้น คุณแม่ควรมั่นใจว่าตนเองได้รับ DHA ในปริมาณที่เพียงพอ เพื่อให้การพัฒนาต่างๆ ของทารกเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ค่ะ

ในช่วงตั้งครรภ์ คุณแม่ต้องการ DHA เท่าไหร่?


ปริมาณ DHA ที่แนะนำต่อวันสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์คือ 200-500 มิลลิกรัมต่อวัน โดยแนะนำให้เริ่มทานตั้งแต่ก่อนท้อง เรื่อยๆ ไปจนกระทั่งหลังคลอด โดยในช่วงไตรมาสแรก DHA 200 มิลลิกรัมต่อวันก็เพียงพอต่อความต้องการของทารกแล้ว แต่ในช่วงไตรมาส 2 หรือ 3 อาจเพิ่ม DHA เป็น 400-500 มิลลิกรัมต่อวัน เนื่องจากพบว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาสมองของทารกมากกว่า


DHA หรือ Omega-3 พบในอาหารชนิดไหนบ้าง?

Omega-3 จะพบได้บ่อยในอาหารทะเล ซึ่ง อาหารที่มี Omega-3 สูงได้แก่

  • ปลาแซลมอล มี Omega-3 อยู่ 2,260 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม

  • ปลาแมคคาเรล มี Omega-3 อยู่ 5,340 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม

  • ปลาซาดีน มี Omega-3 อยู่ 1,480 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม

  • หอยนางรม มี Omega-3 อยู่ 435 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม

  • Flex seed มี Omega-3 อยู่ 2,350 มิลลิกรัมต่อ 1 ช้อนโต๊ะ

  • Chia seed มี Omega-3 อยู่ 1,800 มิลลิกรัมต่อ 1 ช้อนโต๊ะ

  • ถั่วเหลือง มี Omega-3 อยู่ 1,443 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม


อย่างไรก็ตาม อาหารทะเลบางชนิด อาจมีส่วนผสมของ สารปรอท เพื่อลดโอกาสที่จะได้รับสารปรอท และเพื่อให้ได้รับ Omega-3 อย่างเพียงพอ จึงแนะนำให้ทานอาหารทะเล ที่มี omega-3 สูง ประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเลือกทานให้หลากหลาย เพื่อให้ได้รับ Omega-3 อย่างเพียงพอ


ต้องทาน DHA เสริมหรือไม่?


เนื่องจากการทานอาหารทะเลบางชนิดมากเกินไปอาจส่งผลให้ร่างกายได้รับสารปรอทได้ ดังนั้น เพื่อให้ได้รับ DHA อย่างเพียงพอ จึงอาจจำเป็นต้องทานในรูปแบบวิตามินเสริมเข้าไปด้วย โดย Prenatal vitamins จะมีส่วนผสมของ DHA อยู่ 200 มิลลิกรัมต่อวันซึ่งเพียงพอต่อความต้องการของทารกในช่วงตั้งครรภ์ โดยหากเป็นไปได้ให้เริ่มทาน Prenatal vitamins ที่มีส่วนผสมของ DHA ก่อนท้องประมาณ 3 เดือน เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด เมื่อลูกน้อยมีชีวิตตั้งแต่วันแรก




ควรเลือกทานวิตามินอย่างไร?


ใน website ของหมอจะมีวิตามินกลุ่ม Prenatal vitamins อยู่ 2 ชนิดหลักๆ คือ

Prenatal vitamin multi+ DHA ยี่ห้อ Nature made ซึ่งจะมี DHA อยู่ 200 มิลลิกรัม

Prenatal multivitamin premium ยี่ห้อ naturello ซึ่งมี DHA อยู่ 50 มิลลิกรัม (Plant-base)


แม้ว่าส่วนประกอบส่วนใหญ่ของ naturello จะ premium กว่า ดูดซึมง่ายกว่าเพราะเป็น Active form แต่เนื่องจากปริมาณ DHA ที่น้อยกว่า จึงควรทาน Prenatal DHA เสริม อย่างน้อย 1 เม็ดต่อวันในไตรมาสแรก และเพิ่มเป็น 2 เม็ดในไตรมาส 2-3 จนถึงช่วงในนมบุตร


ส่วนใครที่เลือกทาน Prenatal vitamin multi+ DHA ซึ่งมี DHA แล้ว 200 มิลลิกรัม อาจไม่จำเป็นต้องเพิ่ม Prenatal DHA ในไตรมาสแรก แต่แนะนำให้เพิ่ม Prenatal DHA วันละ 1 เม็ด ในไตรมาส 2 และ 3 ไปตลอดช่วงให้นมบุตร เพื่อให้ได้ DHA อย่างเพียงพอในช่วงสมองกำลังพัฒนา




จะเห็นได้ว่า DHA มีความสำคัญต่อการตั้งครรภ์ เป็นอย่างมาก ทั้งต่อมารดา และลูกน้อยในครรภ์ หากใครที่ยังไม่ได้เริ่มทาน DHA ในตอนนี้ ควรเริ่มทันที เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อลูกน้อยค่ะ


แล้วมาติดตามกันได้ใหม่ ในบทความหน้านะคะ


เขียนโดย


พญ. ทานตะวัน จอมขวัญใจ หมอหน่อย จาก Dr. Noi The Family (Tantawan Jomkwanjai. MD)


#ประโยชน์ของDHA #DHAกับคนท้อง #คนท้องต้องกินDHAหรือไม่ #คนท้องต้องกินDHAเท่าไหร่

Opmerkingen


bottom of page