มูกไข่ตก หรือ บางคนเรียก มูกช่องคลอด (Cervical mucus) เป็นสัญญาณหนึ่งที่จะช่วยบอกช่วงเวลาไข่ตกได้ดี มูกไข่ตกหรือมูกช่องคลอด (cervical mucus) คืออะไร? มีความสำคัญอย่างไร? มีวีธีการดูอย่างไร? วันนี้ไปหาคำตอบกันค่ะ
มูกไข่ตก หรือ มูกช่องคลอด (Fertile cervical mucus) คืออะไร?
มูกไข่ตก หรือ บางคนรู้จักกันในชื่อ มูกช่องคลอด (cervical mucus) ซึ่งมูกนี้จริงๆแล้วไม่ได้หลั่งมาจากช่องคลอด แต่เป็นมูกที่หลั่งออกมาจากต่อมบริเวณปากมดลูก(Cervix) จากการกระตุ้นของฮอร์โมน Estrogen ที่เพิ่มมากขึ้นช่วงไข่ตก แตกต่างจากน้ำหล่อลื่นที่หลั่งในช่วงที่มีความต้องการทางเพศที่จะหลั่งมาจากบริเวณช่องคลอด(Vagina) ดังนั้นการเรียก มูกช่องคลอดอาจจะไม่ถูกต้องนัก
ช่วงใกล้ไข่ตกฮอร์โมน Estrogen จะสูงขึ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของมูกจากปากมดลูก (Cervix) โดยการเปลี่ยนแปลงของมูกจะขึ้นอยู่กับฮอร์โมนที่มากระตุ้น มูกจากปากมดลูกจะสามารถสังเกตได้ทางช่องคลอด เนื่องจากมูกจะไหลออกมาทางช่องคลอด โดยการเปลี่ยนแปลงของมูกจะเริ่มตั้งแต่หลังประจำเดือนหมดคือ
แห้ง (Dry) --> เหนียว (Sticky) --> ครีม (Creamy) --> คล้ายน้ำ (wet&watery) เป็นช่วงที่ควรเริ่มมีเพศสัมพันธ์--> คล้ายไข่ขาวดิบ (Raw egg white) เป็นช่วงใกล้ไข่ตก --> เหนียว (Sticky) หลังไข่ตก
ช่วงที่มูกช่องคลอด เริ่มเปลี่ยนเป็นน้ำ(wet&watery) เป็นช่วงที่ estrogen เริ่มสูงและไข่มักจะตกหลังจากนั้นประมาณ 3-5 วัน จึงเป็นช่วงที่สามารถเริ่มมีเพศสัมพันธ์ได้ โดยช่วงมูกที่สามารถบอกช่วงใกล้ไข่ตกนั้น จะมีลักษณะใส ยืดได้ คล้ายไข่ขาวดิบ (Raw egg white mucous) เป็นสัญญาณว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีโอกาสตั้งครรภ์สูง (Fertile cervical mucous) ให้มีเพศสัมพันธ์ในวันนั้น และมีสม่ำเสมอต่อเนื่องอีก 2-3 วัน
ความสำคัญของ มูกไข่ตก (Fertile cervical mucous) คือ
มูกที่ออกมาช่วงก่อนไข่ตก หรือ fertile cervical mucus นั้น มีประโยชน์ ทั้งเป็นน้ำหล่อลื่นที่ดีขณะที่มีเพศสัมพันธ์ ช่วงทำให้สเปิร์มเคลื่นที่ได้ดี สเปิร์มเคลื่อนที่ไปที่ปีกมดลูกเพื่อรอเจอไข่ได้ดี สามารถลดความเป็นกรดบริเวณช่องคลอด ช่วยชะล้างไขมันบริเวณหัวของสเปิร์มทำให้สเปิร์มผสมกับไข่ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีสารอาหารหล่อเลี้ยงสเปิร์มทำให้สเปิร์มมีชีวิตอยู่นานขึ้นด้วย
เทคนิคการตรวจหามูกไข่ตก (How to check fertile cervical mucous?)
การเช็คหามูกไข่ตกนั้น อาจสามารถเริ่มทำเรื่อยๆ ตั้งแต่หลังประจำเดือนหมด โดยมีเทคนิคในการตรวจหาอยู่ 2 แบบคือ ดูจากภายนอก และภายใน
การดูทางภายนอก
เนื่องจากมูกจากปากมดลูกนั้นจะออกมาทางช่องคลอด จึงอาจสามารถเห็นได้จากทางภายนอก วิธีที่ง่ายที่สุด คือการดูมูกที่ติดที่บริเวณกางเกงใน หรือกระดาษทิชชูหลังเข้าห้องน้ำ หรือบางครั้งอาจพบได้หลังขับถ่าย เนื่องจากพบว่าการบีบตัวของลำไส้ทำให้มูกจากปากมดลูกถูกขับออกมาได้ง่ายขึ้น
การดูจากภายใน
การดูให้แน่ชัด อาจจำเป็นต้องตรวจเข้าไปด้านในช่องคลอด ซึ่งวิธีการตรวจคือ
ล้างมือให้สะอาด
ใช้นิ้ว 1-2 นิ้วใส่เข้าไปทางช่องคลอด อาจทำได้ง่ายในท่านั่นหรือท่านอน
ใช้นิ้วสัมผัสมูกบริเวณปากมดลูกเบาๆ
เมื่อได้มูกแล้วนำมือออกมา แล้วดูลักษณะของมูก และลองยืดมูกดูว่ายืดได้หรือไม่
เมื่อได้ลักษณะของมูกในแต่ละวัน ในบันทึกติดตามโดยอาจจดในกระดาษหรือบันทึกใน Application
จะแยกมูกไข่ตกกับน้ำอสุจิอย่างไร (Difference between fertile cervical mucous and semen)
ในการตรวจหามูกไข่ตกนั้น แนะนำว่าไม่ควรทำหลังมีเพศสัมพันธ์ เพราะอาจเกิดความสับสนระหว่างมูกไข่ตกกับน้ำอสุจิได้ เนื่องจาก 2 อย่างนี้มีหน้าที่คล้ายกันคือช่วยหล่อเลี้ยงสเปิร์ม แต่จะแต่ต่างกันที่ มูกไข่ตก จะสามารถยืดออกจากกันได้ 1-2 นิ้ว แต่น้ำอสุจิจะไม่สามารถยืดออกจากกันได้
การที่เราสามารถที่จะติดตามลักษณะของมูกช่องคลอด ทำให้เราสามารถวางแผนในการมีเพศสัมพันธ์ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมูกไข่ตก (Fertile cervical mucus) พบในหญิงแทบทุกคน และไม่ต้องใช้อุปกรณ์ในการตรวจ อย่างไรก็ตามมีบางปัจจัยที่อาจมีผลทำให้มูกไข่ตกผิดปกติ มีคุณภาพที่แย่ได้ และมีบางปัจจัยที่สามารถเพิ่มคุณภาพให้มูกไข่ตกได้ ติดตามอ่านเรื่อง "เพิ่มคุณภาพให้มูกไข่ตก เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์" เพิ่มเติมได้ค่ะ
Tantawan Pasopa. MD (พญ. ทานตะวัน พระโสภา) drnoithefamily
#drnoithefamily #fertility #fertilecervicalmucous #cervicalmucous #fetiletime #อยากมีลูก #เทคนิคมีลูกง่าย #เตรียมตัวก่อนท้อง #เตรียมพร้อมตั้งครรภ์ #ความรู้คุณแม่มือใหม่
Comentarios